แมมโมแกรมคืออะไร
แมมโมแกรม คือการตรวจเต้านมโดยใช้รังสีเอ็กซ์
ในขณะตรวจเต้านมจะถูกกดโดยเครื่องให้แน่นเพื่อที่จะได้เห็นความผิดปกติอย่างชัดเจน
ประโยชน์ของแมมโมแกรม
แมมโมแกรมมีความสามารถสูงในการตรวจหามะเร็งเต้านมที่ยังมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ
ทำให้ผลการรักษาดีผู้ป่วยมีโอกาสอยู่รอดมากขึ้นและนานขึ้น
การตรวจแมมโมแกรมในคนปกติที่ไม่มีอาการ เพื่อหามะเร็งระยะเริ่มต้นแบบนี้
เรียกว่า " SCREENING MAMMOGRAM "
|
|
นอกจากนี้แมมโมแกรมยังมีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรค
(diagnosic mammogram) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแล้ว เช่น คลำได้ก้อน
ในบทความนี้จะกล่าวถึงการตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้นเป็นหลัก
ข้อด้อยของแมมโมแกรม
- เจ็บ ระหว่างการตรวจเต้านมจะถูกบีบให้แน่น จึงทำให้รู้สึกเจ็บบ้าง
แต่จะพอทนได้
- ค่าใช้จ่าย การทำแมมโมแกรมเพื่อตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้นจะมีประสิทธิผลสูงสุดก็ต่อเมื่อต้องทำเป็นประจำทุก
1 ปี ด้วยเหตุนี้อาจทำให้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายได้ ค่าตรวจแมมโมแกรมแต่ละครั้งประมาณ
800-2000 บาท แล้วแต่ละโรงพยาบาล เพราะว่าแมมโมแกรมมีความไวสูงในการตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้น
แต่มีความเฉพาะเจาะจงไม่สูงมาก หมายความว่าเมื่อรังสีแพทย์เห็นความผิดปกติในแมมโมแกรม
อาจมีบางครั้งที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่เป็นมะเร็ง
ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการตัดชิ้นเนื้อบริเวณนั้นออกมาดู (ตัดเฉพาะความผิดปกติออก
ไม่ใช่ตัดทั้งเต้านม)
หมายเหตุ : ปริมาณรังสีเอ็กซ์ที่ใช้ในการตรวจจะมีปริมาณน้อยมาก
ปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดมะเร็งแต่อย่างใด
ข้อห้ามในการตรวจแมมโมแกรม
- ในระหว่างตั้งครรภ์ ควรหลีกเหลี่ยงการตรวจ
Screening Mammogram
- จริง ๆ แล้วในคนท้องถ้าจำเป็นจริง ๆ
เช่น คลำได้ก้อน ก็สามารถทำแมมโมแกรมได้ โดยเจ้าหน้าที่จะเอาแผ่นตะกั่วกันรังสีมาคลุมท้องไว้ขณะตรวจ
หมายเหตุ : หญิงกำลังมีประจำเดือนก็สามารถทำการตรวจได้
หญิงที่เสริมเต้านมก็ทำการตรวจได้
เพียงแต่ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนทำการตรวจ
จะเริ่มตรวจแมมโมแกรมเพื่อหามะเร็งระยะเริ่มต้นเมื่อไรดี
|
ในอเมริกายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ
40 ปีหรือ 50 ปีดี สำหรับประเทศไทยก็ยังไม่มีงานวิจัยหรือคำแนะนำที่เป็นมาตรฐานสำหรับประเทศออกมาใช้
ส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่าการพิจารณาว่าหญิงไทยควรจะเริ่มตรวจเมื่ออายุเท่าไร
ควรเป็นการพิจารณาร่วมของเจ้าตัวและแพทย์เจ้าของไข้ โดยคำนึงถึงปัจจัยทางคลินิก
( เช่น มีประวัติมะเร็งเต้านมในครอบครัวหรือไม่ , กินฮอร์โมนหรือไม่
) และการชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและข้อด้อยของแมมโมแกรมอย่างที่กล่าวมาแล้ว
|
ความถี่ในการตรวจ
ในต่างประเทศ ส่วนมากจะแนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุก
1 ปี
ข้อควรทราบอื่นๆ
สำหรับการตรวจแมมโมแกรม
- ถึงแม้แมมโมแกรมจะมีความสามารถสูงในการตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น
แต่ก็ไม่ 100% เพราะฉะนั้นการตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้นต้องประกอบด้วย
- คลำเต้านมตัวเองเดือนละ 1 ครั้ง ( Breast Self
Examination - BSE )
- ให้แพทย์ตรวจเต้านมปีละ 1 ครั้ง ( Clinical
Breast Examination - CBE )
- สำหรับคนอายุ 40-50 ปีขึ้นไป ให้ทำแมมโมแกรมปีละ
1 ครั้งด้วย
- ในบางสถาบัน คนที่ทำแมมโมแกรมจะได้รับการตรวจด้วยคลื่นเสียง
(Ultrasound) ด้วยทุกราย แต่ในบางสถาบัน เช่น รพ. พระมงกุฎเกล้า
จะทำ ultrasound เฉพาะในบางรายเท่านั้น เช่น ในรายที่สงสัยก้อน
Ultrasound อย่างเดียวไม่สามารถทดแทนแมมโมแกรมในการตรวจหามะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นได้
- ความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแมมโมแกรมพบได้บ่อย ไม่ต้องตกใจ
รังสีแพทย์อาจถ่ายฟิล์มท่าต่าง ๆ เพิ่มเติมหรือนัดให้ตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด
( เช่น ทุก 6 เดือน ) สักระยะหนึ่ง
- ควรนัดมาตรวจแมมโมแกรมในช่วงที่ไม่คัดเต้านม เพราะจะทำให้เจ็บน้อยลงขณะตรวจ
หรืออาจจะไม่เจ็บเลยก็ได้
- วันมาตรวจ ควรสวมชุดครึ่งท่อนเพื่อความสะดวกในการตรวจ
- วันมาตรวจต้องไม่ทาครีม , แป้ง , น้ำหอม หรือน้ำยาดับกลิ่นตัวบริเวณเต้านมและรักแร้ทั้งสองข้าง
เพราะอาจทำให้ดูเหมือนมีความผิดปกติ ( หินปูน ) ในภาพแมมโมแกรมได้
|
การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (BSE)
- สมาคมมะเร็งของสหรัฐอเมริกา ( THE AMERICAN
CANCER SOCIETY ) แนะนำว่าผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไปทุกคนต้องคลำเต้านมตัวเองเดือนละครั้ง
ผู้หญิงที่ยังมีประจำเดือนอยู่ควรคลำหลังจากหมดประจำเดือน
1-7 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงที่เต้านมคัดตึงซึ่งอาจจะทำให้คลำยาก
และคลำคล้ายมีก้อนได้ ส่วนผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้วควรคลำในวันเดียวของทุกเดือน
เช่น ทุกวันที่ 25 เป็นต้น
- วิธีตรวจเต้านมตัวเองทำได้ ดังนี้
|
ขั้นที่1 |
ถอดเสื้อแล้วยืนตรงแขนชิดลำตัวหน้ากระจก มองดูเต้านมโดยเปรียบเทียบทั้ง
2 ข้าง มองหาว่ามีความ
|
การมอง |
แตกต่างกันระหว่างนม 2 ข้างหรือไม่ เช่น มีก้อน
, มีสีผิวหนังเปลี่ยนแปลงไป หรือมีรอยดึงรั้งไหม เสร็จแล้วให้มองหาในทำนองเดียวกัน
แต่เปลี่ยนท่ายืนเป็นยืนท้าวสะเอวและยกแขน 2 ข้างไว้บนศีรษะ |
|
|
ขั้นที่2 |
ให้นอนหงาย ยกแขนข้างเดียวกับนมที่จะตรวจไว้เหนือศีรษะโดยงอข้อศอกด้วย
เอาหมอนแบน ๆ หรือ |
การคลำ |
ผ้าเช็ดตัวรองใต้ไหล่ข้างเดียวกันกับนมข้างที่จะตรวจ
แล้วใช้มือด้านตรงข้ามคลำ การคลำให้ใช้ อุ้งนิ้ว 3 นิ้ว ( นิ้วชี้
, นิ้วกลาง , นิ้วนาง ) ไม่ใช้ปลายนิ้ว กดลงไปและในขณะเดียวกันก็คลึง
คือวนเป็น ก้นหอยด้วย ตอนแรกลงน้ำหนักเบา ๆ ก่อนแล้วจึงค่อยกดแรงขึ้น
และทำอย่างนี้ไปจนกระทั่ง ทั่วเต้านม |
- หลังจากคลำเต้านมเสร็จแล้วให้บีบหัวนมเบา
ๆ ดูว่ามีอะไรไหลออกมาหรือไม่และคลำรักแร้ด้วย
- เมื่อทำเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็ทำอย่างเดียวกันกับด้านตรงข้าม
- การคลำอาจทำในท่ายืนตอนอาบน้ำก็ได้ ก็ใช้เทคนิคเดียวกันกับในท่านอน
- เต้านมคนปกติอาจไม่เรียบได้ อาจตะปุ่มตะป่ำเล็กน้อยหรือหนาขึ้นเป็นทางบาง
ๆ ได้ ถ้าคลำเต้านมตัวเองทุกเดือนก็จะทราบว่าโตขึ้นหรือไม่ ถ้าโตขึ้นแสดงว่าผิดปกติค่อยมาพบแพทย์
- ถ้าคลำเต้านมตัวเองแล้วพบความผิดปกติต่อไปนี้ให้รีบมาพบแพทย์
- พบก้อน
- หัวนมถูกดึงรั้งผิดปกติ
- มีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลจากหัวนม
- ผิวหนังบริเวณเต้านมมีรอยบุ๋ม
- ขนาดและรูปร่างของนมทั้ง
2 ข้างต่างกันอย่างผิดปกติ
- ขอย้ำว่าการตรวจเต้านมตัวเองต้องทำทุกเดือน และต้องคลำให้ทั่วนม
ดูภาพประกอบการตรวจเต้านมได้ที่ http://www.waithong.com/consumer/bse/bse.html
การบริการการตรวจแมมโมแกรมใน รพ. พระมงกุฎเกล้า
- กองรังสีกรรม รพ. พระมงกุฎเกล้า เปิดให้บริการการตรวจแมมโมแกรมที่ชั้น
2
อาคารสมเด็จย่า ทุกบ่าย ( 13.00-16.00 น. ) ของวันทำการราชการ
และเช้าวันพฤหัสบดี - ศุกร์ ( 8.30-12. น. ) โดยต้องมีการนัดล่วงหน้า
- ใช้เวลาในการตรวจ 1 ชั่วโมง
- ค่าใช้จ่าย 800 บาท
พ.ท.หญิง กมลวรรณ จึงมีโชค
รังสีแพทย์ กองรังสีกรรม รพ. รร.6
|